กว่าจะเป็นมานิตาจนถึงวันนี้ต้องผ่านอะไรมาบ้าง! จุดเริ่มต้น Manita Wedding ในช่วงระยะเวลา 10 ปีที่ผ่านมา มาดู จุดเริ่มต้น Manita Wedding ของ “คุณนิว” ผู้บริหาร Manita Wedding กันค่ะ เนื่องในโอกาสครบรอบ 10 ปีของมานิตา “คุณนิว” ผู้บริหาร Manita Wedding ก็เลยอยากให้คนอ่านรู้จักว่าคุณนิวและแบรนด์มานิตามากขึ้น
ถ้าพูดถึงจุดเริ่มต้นหลายๆ คนก็อาจจะสงสัย ทำไมต้องชื่อมานิตา แล้วคุณนิวทำอะไรมาก่อนทำไมถึงมาเป็นมานิตาจนถึงทุกวันนี้ พอได้ลองย้อนไปมันก็เหมือนที่สตีฟ จ็อปบอกเลยว่า “ชีวิตมันคือการต่อจุด” คือเราไม่รู้หรอกว่าที่เราทำวันนั้น มันจะทำให้เราเป็นเราในวันนี้
ก่อนหน้านี้คุณนิวและคุณโอ๋เริ่มจากการทำงานเป็นพนักงานบริษัท แล้วพอฟังคลิปคุณตัน ภาสกรนที แล้วฮึกเฮิม อยากลองทำอะไรซักอย่าง อยากทำธุรกิจ แต่ยังคิดไม่ออกและไม่มีความชอบด้านไหนเป็นพิเศษ แต่คิดว่าทำเสื้อผ้าดีไหมเพราะรู้สึกว่า demand มันเยอะก็ลองดู คุณนิวเลยลงเรียนตัดเสื้อ ซึ่งเป็นคอร์สเรียนฟรีของ กทม. พอเริ่มเรียนก็เลยเข้าใจการแพทเทิร์น พอตัดเย็บได้ จนได้เริ่มหาช่างตัดเย็บเสื้อผ้า
โดยเริ่มจากไปเดินพาหุรัดทุกอาทิตย์ ทุกคืนก็นั่งทำแพทเทิร์นเสื้อผ้า แล้วก็ส่งตัด ใส่ถ่ายรูป ซึ่งคุณนิวใส่ถ่ายเองด้วยนะ จนได้เปิดเพจ ภายใต้แบรนด์ที่มีชื่อว่า Newaki ซึ่งตอนนั้น เฟสบุ๊คพึ่งเริ่มจะมีอิทธิพล กับคนขายของออนไลน์ แม้จะมีการขายจะเป็นไปได้ด้วยดี แต่พบกับปัญหาเช่นการจ้างช่างที่ไม่น่าเชื่อถือ ทำให้ไม่สามารถผลิตสินค้าออกมาได้ตามต้องการ มีปัญหาเรื่องคุณภาพสินค้า และระยะเวลา การเริ่มต้นธุรกิจอาจไม่ง่ายและไม่สวยหรู แต่มันเป็นจุดเริ่มต้นที่สำคัญในการเรียนรู้และเติบโตในวงการธุรกิจไปอีกขั้นตอนนั้นเอง
แต่นั้นเป็นช่วงที่คุณนิวและคุณโอ๋กำลังจะแต่งงาน เลยจ้างช่างภาพมาถ่ายในงานแต่งงาน ต้องยอมรับเลยว่าจ้างมาราคาค่อนข้างสูงมาก แต่สิ่งที่ได้มาทั้งภาพและวีดีโอคือผิดหวังมากเช่นกัน มากขนาดแบบว่า ถ้าทำได้แค่นี้ เราทำเองก็ได้ เลยเป็นจุดเริ่มต้นของแบรนด์ที่ 2 โดยใช้ชื่อว่า เพลินจิตเฮาส์ ก็คือรับถ่ายภาพพรีเวดดิ้ง ภาพวันงานแต่งงาน โดยการเริ่มต้นก็คือ ใครกำลังจะแต่งงานก็จะไปเสนอตัวถ่ายให้ฟรี เพื่อนำมาเป็นพอร์ต
ซึ่งตอนนั้น คุณนิวก็ทุกอย่าง สไตล์ลิส ลองชุด ทำนัด แต่งหน้า ทำผม ยกของ ผู้ช่วย จัดฉาก เป็นช่างภาพด้วยในวันงาน คือทำหมดทุกอย่างกับคุณโอ๋ ก็ต้องบอกว่า เพลินจิตเฮาส์ นี่แหละทำให้มีเงินเก็บที่มากพอที่จะมาต่อยอดธุรกิจต่อไป พอคุณนิวได้ทำมาในช่วงระยะเวลาหนึ่งเลยตัดสินใจลาออกจากงานโดยที่ยังไม่บอกทางบ้าน จนทำมาประมาณปีหนึ่งที่มั่นใจว่าธุรกิจนี้น่าจะโอเคแล้ว จึงค่อยบอกทางครอบครัว
ระหว่างที่ทำงานถ่ายภาพไปด้วยก็รู้สึกว่าถึงแม้จะได้รายได้ดีแต่ก็ใช้กำลังกายค่อนข้างเยอะมาก บางช่วงเวลาไม่ได้หลับไม่ได้นอน ทั้งคู่จึงเริ่มมองหาธุรกิจใหม่ ซึ่งในตอนนั้น บริษัท SME กำลังบูมเช่นเดียวกับธุรกิจสิ่งพิมพ์ดิจิตอล ทั้งสองคนก็เลยสนใจในธุรกิจนี้ ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของ บริษัท เปเปอร์ริสต้า โดยชื่อมาจาก paper + barista เพื่อแสดงถึงการทำงานเหมือนคนปรุงกระดาษให้เป็นงานต่าง ๆ ที่สวยงาม คุณนิวจึงใช้เงินเก็บทั้งหมดลงทุนไปกับการซื้อเครื่องพิมพ์และเครื่องตัด ถามว่าทำไมไม่ไปจ้างโรงพิมพ์เลย คำตอบคือ ประสบการณ์จากการทำเสื้อผ้าที่เราไม่ได้มีช่างหรือดูแลขั้นตอนการผลิตด้วยตัวเอง ทำให้ไม่สามารถที่จะควบคุมคุณภาพและระยะเวลาผลิตเองได้ จึงตัดสินใจลงทุนในส่วนนี้ ดังนั้นจึงต้องศึกษาและเรียนรู้ทุกอย่างเองใหม่ทั้งหมดจากศูนย์เพื่อควบคุมเรื่องเหล่านี้ได้อย่างเหมาะสมและมีประสิทธิภาพมากที่สุด
แต่ตอนนั้นเองก็คิดว่าไหน ๆ เราก็ทำเกี่ยวกับงาน Wedding แล้วสิ่งหนึ่งที่เรารู้สึกว่ามันยังไม่ตอบโจทย์ในตอนนั้นคือการ์ดแต่งงาน เพราะการ์ดส่วนใหญ่จะเป็นการ์ดสำเร้จที่ไม่สามารถแก้ไขอะไรได้ ได้แค่ใส่ข้อความ ส่วนการ์ดออกแบบก็ยังรู้สึกว่ายังสามารถทำให้ดีกว่านี้ได้ จึงเป็น จุดเริ่มต้น Manita Wedding ทำไมถึงตั้งชื่อว่า “มานิตา” เกิดจากเรื่องบังเอิญที่คุณนิวไปได้ยินชื่อนี้ตอนที่จะทำการ์ดขายพอดี แล้วก็รู้สึกว่า มันใช่นะ มันมีความ feminine มีความเป็นผู้หญิง มีความละมุน มันอ่านง่ายทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษ ก็เลยเอามาเป็นชื่อแบรนด์โดยเริ่มต้นด้วยการออกแบบการ์ดประมาณ 50 แบบ ซึ่งตอนแรกก็คือต้องการที่จะไปวางขายตามแหล่งขายการ์ดแต่งงานเช่นจตุจักร และพาหุรัด แต่ก็ถูกปฏิเสธมาหมด จึงเริ่มกลับมาขายทางช่องทางออนไลน์แทน ซึ่งก็ปรากฏว่าได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี ด้วยความแปลกใหม่ของการออกแบบ ชนิดกระดาษที่พรีเมี่ยม และงานพิมพ์ที่สามารถจัดส่งได้ในเวลาอันรวดเร็ว ทำให้มานิตาตอบโจทย์ในเรื่องนี้ แล้วก็เติบโตมาเรื่อยๆ และนี่ก็เป็นจุดเริ่มต้นธุรกิจแบรนด์ “มานิตา” ทีรับผลิตการ์ดแต่งงาน ของชำร่วย และของอื่น ๆ อีกมากมาย
เป็นอย่างไรกันบ้างคะ จุดเริ่มต้นของมานิตา ไม่ง่ายเลยใช่มั้ยคะ และเนื่องในโอกาสที่มานิตาครบรอบ 10 ปี อยากจะชวนทุกคนมาติดตามเรื่องราวของมานิตาในแง่มุมต่าง ๆ ที่เราจะนำมาเสนอให้ดูกันค่ะ