15 ความเชื่อในพิธีแต่งงานที่ควรรู้

สำหรับคู่บ่าวสาวคนไทย เรามีความเชื่อดี ๆ ว่าการได้ทำบุญตักบาตรร่วมกันและรับศีลรับพรจากพระสงฆ์จะช่วยเสริมสิริมงคลงานแต่งเป็นจุดเริ่มต้นของชีวิตคู่ ซึ่งงานแต่งงานส่วนใหญ่จะนิยมนิมนต์พระสงฆ์เป็นจำนวนเลขคู่ 4 รูป 8 รูป ขึ้นอยู่กับความพร้อมของสถานที่ แต่หากสถานที่จัดงานมีพื้นที่กว้างขวางพอ มานิตาแนะนำให้คู่บ่าวสาวนิมนต์พระสงฆ์ 9 รูปเลยค่ะ เพราะเป็นความเชื่อดี ๆ ของเลข 9 ที่เป็นเลขมงคล เลขแห่งความเจริญก้าวหน้านั่นเองค่า

มงคลแฝดเป็นอีกหนึ่งสิ่งของสำคัญในพิธีแต่งงานของไทย เป็นความเชื่อดี ๆ ว่ามงคลแฝดที่สวมบนศรีษะคู่บ่าวสาว จะทำหน้าที่เชื่อมโยงคู่บ่าวสาวให้เป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน เช่นเดียวกับมงคลแฝดที่เชื่อมโยงทั้งคู่ไว้ระหว่างพิธีรดน้ำสังข์ แต่ความเป็นสิริมงคลนี้จะเกิดขึ้นได้ คู่บ่าวสาวต้องไม่ลืมนำมงคลแฝดไปทำพิธีก่อนที่จะนำมาประกอบพิธีนะคะ

รู้หรือไม่! ในพิธีแต่งงานของไทย การลุก-นั่งในพิธีรดน้ำสังข์นั้นมีความเชื่อซ่อนอยู่ เพราะเชื่อกันว่าใครที่ลุกขึ้นก่อนจะเปรียบเสมือนผู้นำครอบครัว ในขณะที่อีกฝ่ายลุกช้ากว่าจะต้องเป็นผู้ตาม ดังนั้นเพื่อปรับเปลี่ยนความเชื่อเหล่านี้ให้กลายเป็นความเชื่อดี ๆ มานิตาแนะนำให้คู่บ่าวสาวช่วยกันประคองลุก-นั่งให้พร้อมกัน ก็จะช่วยแก้เคล็ดและเป็นการเริ่มต้นชีวิตคู่ด้วยการก้าวไปด้วยกันตลอดไปนะคะ

พิธีสู่ขอด้วยพานขันหมากเป็นพิธีแต่งงานของไทยมาแต่โบราณ โดยมีความเชื่อดี ๆ ว่า หากผู้ถือพานขันหมากนำขบวนเป็นญาติผู้ใหญ่ที่เจ้าบ่าวนับถือ จะเป็นจุดเริ่มต้นนำพาให้ครอบครัวคู่บ่าวสาวประสบความสำเร็จเช่นเดียวกับญาติผู้ใหญ่ท่านนี้ และมีความเชื่ออีกว่าพ่อแม่ของเจ้าสาวไม่ควรเป็นผู้รับพานขันหมากโดยตรง เพื่อแก้เคล็ดไม่ให้เกิดเรื่องกระทบกระทั่งระหว่างสองครอบครัวในอนาคตนะคะ

ฤกษ์มงคลเป็นความเชื่ออันดับหนึ่งที่คู่บ่าวสาวเกือบทุกคู่ให้ความสำคัญ เพราะเคยได้ยินไหมคะว่า “เริ่มต้นด้วยฤกษ์ที่ดี ย่อมมีชัยไปกว่าครึ่ง” การจัดงานแต่งงานก็เช่นเดียวกัน คู่บ่าวสาวต้องช่วยกันหาฤกษ์มงคล ฤกษ์ที่เหมาะสม โดยเฉพาะฤกษ์วันจัดงานแต่งงาน ร่วมด้วยฤกษ์ขันหมาก ฤกษ์งานหมั้น ฤกษ์สวมแหวน ฤกษ์ส่งตัว นอกจากจะช่วยเสริมสิริมงคลในงานแต่งแล้ว ยังช่วยทำให้ลำดับพิธีต่าง ๆ เป็นไปอย่างเรียบร้อยตามกำหนดการอีกด้วยจ้า

เคยสังเกตไหมคะ ว่าทำไมในการ์ดงานแต่งงานลงท้ายกำหนดการเวลาด้วยเลขเก้า เพราะคนไทยกับความเชื่อเรื่องตัวเลขมงคลเป็นของคู่กัน โดยเฉพาะเลขเก้าเป็นเลขแห่งการเริ่มต้นชีวิตคู่ เปรียบเสมือนการเริ่มต้นที่ประสบความสำเร็จตามความหมายของเลขเก้าและยังมีความเชื่อดีๆซ่อนอยู่ ว่า คู่บ่าวสาวจะก้าวไปข้างหน้าด้วยกันในทุกๆช่วงเวลาของชีวิตคู่ นั่นเอง

อาหารมีความสำคัญสำหรับงานแต่งงาน เพราะไม่เพียงเป็นหน้าเป็นตาให้กับคู่บ่าวสาว แต่ยังเกี่ยวข้องกับการเสริมสิริมงคลในงานแต่งงานอีกด้วย มานิตาแนะนำให้คู่บ่าวสาวเลือกอาหารที่ชื่อเป็นมงคลเพื่อประดับในงานแต่งงาน เช่น ขนมจีบ หมายถึงความรักอันหอมหวาน ขนมทองหยิบ ทองหยอด ลาบ(ลาภ) หมายถึงความมั่นคั่งร่ำรวย ขนมจีนน้ำยา ที่ต้องมาคู่กับเส้นที่ยาวที่สุดเพื่อสื่อถึงความยืนยาวของชีวิตคู่นะคะ

มาลัยคล้องคอเป็น ความเชื่องานแต่ง ที่มีมาตั้งแต่สมัยโบราณ การคล้องมาลัยให้กับคู่รักก็เพื่อเป็นสัญลักษณ์การครองคู่นิจนิรันดร์ ดังนั้น มานิตาขอแนะการเลือกมาลัยคล้องคอที่ถูกต้อง ด้วยการเลือกใช้ดอกไม้ที่มีความหมายดี ๆ เช่น ดอกรัก ดอกกุหลาบ ดอกมะลิ เน้นสีดอกไม้สีขาว สีชมพูอ่อน ให้ความรู้สึกเรียบ ๆ แต่หรูหรา เพียงเท่านี้ก็ช่วยเสริมสิริมงคลงานแต่งงานได้อย่างสวยงามและลงตัวแล้วค่ะ

หนึ่งในความเชื่อดี ๆ ที่ได้รับอิทธิพลมาจากชาวตะวันตก เจ้าสาวที่ถือช่อดอกไม้ในงานแต่งงานจะเป็นสัญลักษณ์แห่งความโชคดีด้านความรัก และพิธีการโยนช่อดอกไม้ให้กับหญิงสาวในงานก็เป็นการส่งต่อความโชคดีให้กับผู้อื่น โดยดอกไม้ที่นำมาจัดช่อจะต้องเป็นดอกไม้สื่อความหมายมงคล เช่น ดอกกุหลาบที่แสดงความสวยงามของความรักที่คู่บ่าวสาวมีให้กันและกันค่ะ

สำหรับพิธีแต่งงานของไทยนั้น จะต้องมีพิธีสู่ขอรวมอยู่ด้วยเสมอ ซึ่งอีกหนึ่งความเชื่อสำคัญสำหรับพิธีนี้คือตำแหน่งการนั่งของคู่บ่าวสาว และเรานิยมให้เจ้าบ่าวนั่งฝั่งขวามือ และเจ้าสาวนั่งฝั่งซ้ายหันหน้าออกเวทีเสมอ ด้วยเหตุผลหนึ่งคือสไบของเจ้าสาวที่พาดบนไหล่ซ้ายค่ะ เจ้าสาวจะได้ไม่นั่งทับสไบของตัวเอง แต่อีกหนึ่งความเชื่อดี ๆ ก็คือเจ้าบ่าวคือผู้นำครอบครัวจึงนิยมให้ยืนหรือนั่งที่ฝั่งขวาเสมอค่ะ

ในปัจจุบันเราอาจเห็นเจ้าสาวสาวใส่ผ้าคลุมหน้าก่อนเข้าพิธีในหลาย ๆ งาน ซึ่งรู้หรือไม่ว่าผ้าคลุมหน้าเจ้าสาวสีขาวลายลูกไม้เหล่านี้ ไม่ได้มีไว้เพื่อความสวยงามเท่านั้น หากแต่ซ่อนไปด้วยความเชื่อดี ๆ เปรียบเสมือนเครื่องระลึกความทรงจำของเจ้าบ่าวสำหรับการเจอเจ้าสาวเป็นครั้งแรก แถมยังมีความเชื่อมงคลอีกว่าผ้าคลุมหน้าเจ้าสาวช่วยปกป้องจากสิ่งชั่วร้ายต่าง ๆ ที่อยู่รอบกายได้อีกด้วย

ของชำร่วยเป็นความเชื่อดีๆและธรรมเนียมปฏิบัติ ที่คู่บ่าวสาวตั้งใจมอบให้เพื่อแสดงความของคุณและเป็นสัญลักษณ์แห่งความรัก ดังนั้นการตัดสินใจเลือกของชำร่วยจึงต้องพิถีพิถันเป็นอย่างมาก เพราะยิ่งชำร่วยสวยงามและมีความหมายดีมากเท่าไหร่ก็จะช่วยสร้างความประทับใจ อีกทั้งยังช่วยเสริมสิริมงคลงานแต่งให้มีความหมายมากยิ่งขึ้นด้วยค่า

อีกหนึ่งความเชื่อมงคลสำหรับพิธีแต่งงานของไทยที่มีมาแต่โบราณ ก็คือความเชื่อที่ต้องให้คู่ญาติผู้ใหญ่ที่ประสบความสำเร็จในชีวิตครอบครัวทำหน้าที่ปูเตรียงเรียงหมอนให้กับคู่บ่าวสาว เพื่อความเป็นมงคลให้คู่บ่าวสาวได้เจริญรอยตาม มีครอบครัวที่แข็งแรง มั่นคง เช่นเดียวกับผู้ใหญ่คู่นี้ค่ะ

เคยได้ยินคำกล่าวเวลาก้าวเท้าออกจากบ้าน “ขวาร้าย ซ้ายดี” ไหมคะ ความเชื่อในงานแต่งงานก็มีแบบนั้นเช่นเดียวกัน จึงไม่แปลกใจที่ออแกไนซ์จัดงานส่วนใหญ่จะบรีฟคู่บ่าวสาวว่าให้ก้าวเท้าซ้ายขึ้นเวทีเป็นหลัก เพราะไม่เพียงทำตามความเชื่อมงคลเท่านั้น ในทางทฤษฏีการก้าวเท้าซ้ายจะช่วยพยุงน้ำหนักตัวได้ดีกว่าเท้าขวา จึงช่วยให้คู่บ่าวสาวก้าวขึ้นเวทีได้อย่างมั่นคงค่ะ

การกำหนดธีมสีสำหรับการจัดงานแต่งงาน เป็นอีกหนึ่งเรื่องที่คู่บ่าวสาว ๆ หลายหลายคู่เริ่มให้ความสำคัญ เพราะธีมสี เช่น สีชมพู สีฟ้า สีพาสเทล นอกจากช่วยเสริมสิริมงคลงานแต่งงานแล้ว ยังช่วยเพิ่มบรรยากาศของงานให้เป็นไปในทิศทางเดียวกันและที่สำคัญช่วยให้รูปถ่ายงานแต่งงานออกมาสวย เป็นหนึ่งเดียว รูปที่ถ่ายออกมาจะต้องถูกใจคู่บ่าวสาวทุกรูปอย่างแน่นอนค่ะ

เป็นอย่างไรกันบ้างคะ กับ ความเชื่องานแต่ง ทั้ง 15 เรื่อง ที่มานิตาเอามาฝากกัน เป็นความเชื่อดี ๆ ที่เราอยากแนะนำให้คู่บ่าวสาวได้รู้จักและนำมาปรับแต่งให้เหมาะสมกับงานของตน เพื่อช่วยเสริมสิริมงคลให้กับงานแต่งงาน งานสำคัญครั้งหนึ่งในชีวิตสำหรับใครหลาย ๆ คน สุดท้ายนี้มานิตาเชื่อว่าคู่รักทุกคู่อยากให้งานแต่งถูกจัดออกมาได้สมบูรณ์แบบที่สุด ดังนั้นการเลือกแต่สิ่งที่ดีก็เป็นสิ่งที่สำคัญมากเช่นกันนะคะ