รีวิวเตรียมงานแต่งข้ามประเทศ!!

คุณมาชิเล่าว่าทั้งคู่ทำงานที่เดียวกัน โดยคุณมาชิสะดุดตาคุณนัตตี้ตั้งแต่วันแรกที่เข้าไปทำงาน ซึ่งคุณนัตตี้เองก็ปิ๊งคุณมาชิเช่นกันถึงกับกระซิบถามเพื่อนว่าคุณมาชิคือใคร? หลังจากนั้นคุณมาชิ ก็ตามจีบคุณนัตตี้โดยใช้วิธีการสุดน่ารัก คือการพยายามทำตัวให้คุณนัตตี้สนใจ “พยายามไปอยู่ในจุดที่เค้าจะมาจีบ” คุณมาชิเล่าอย่างอารมณ์ดี

คุณนัตตี้เป็นฝ่ายเล่าก่อนว่า วันขอแต่งงานคุณนัตตี้ยังงง ๆ อยู่เลย เพราะไม่ได้เตรียมตัว เหตุการณ์เกิดขึ้นตอนทั้งคู่ไปเที่ยวด้วยกันที่หัวหิน ระหว่างซื้อกล้วยปิ้งมานั่งรับประทาน คุณมาชิก็ขอแต่งงานด้วยประโยคสุดน่ารัก “เราอยากกินกระเพราะไปตลอดชีวิตได้ไหม… เธอทำให้เราได้ไหม” เรียกว่าเป็นคำถามแห่งความประทับใจของพวกเค้าทั้งคู่

คุณนัตตี้เล่าขั้นตอนในการเตรียมงานแต่งว่า ความท้าทายในการเตรียมงานของทั้งคู่คือ คุณนัตตี้อยู่สิงคโปร์ และ คุณมาชิอยู่กรุงเทพ ฯ ซึ่งทั้งคู่ใช้วิธีแก้ปัญหาด้วยการคุยกันเยอะๆ โดยจุดลงตัวของทั้งคู่คือความชอบสีน้ำเงินของคุณมาชิและความชอบวิบ ๆ วับ ๆ ของคุณนัตตี้ ทั้งสองเลยเอาทั้งสองความชอบนี้มารวมกันกลายเป็นธีมแต่งงานสุดเก๋ภายใต้คอนเซ็ปต์ “ A Night Under The Star ”

เมื่อสรุปธีมงานที่โดนใจทั้งคู่ได้แล้ว คุณนัตตี้และคุณมาชิเล่าต่อว่า พวกเค้าใส่ธีมนี้เข้าไปในสิ่งของที่ใช้ประดับภายในงาน รวมถึงการ์ดแต่งงานด้วย โดยคุณนัตตี้ได้โชว์การ์ดแต่งงานและเล่าให้ฟังด้วยน้ำเสียงภูมิใจว่า “ ถ้ามองตัวการ์ดเผิน ๆ ก็จะเหมือนกับว่าอยู่ท่ามกลางท้องฟ้าและก็มีดวงดาวต่าง ๆ รายล้อม” ซึ่งตรงใจทั้งคู่สุดๆ นอกจากนี้ทั้งคู่ยังออกแบบการ์ดมา 2 รูปแบบด้วยเหตุผลง่ายๆคือทั้งคู่อยากแยกการ์ดแต่งงานระหว่างแขกผู้ใหญ่และเพื่อน ๆ เพราะทั้งคู่มองเห็นถึงความสำคัญทั้งสองช่วงวัย โดยการ์ดแต่งงานสำหรับมอบให้แขกผู้ใหญ่จะมีความเป็นทางการนิดๆ แต่การ์ดของเพื่อน ๆ จะออกแบบให้เป็นลักษณะที่ขั้นหนังสือ และมอบให้เพื่อน ๆ แบบไม่ใส่ซองเพราะไม่ต้องการให้เสียเปล่าและไม่ได้บังคับให้เพื่อน ๆ ใส่เงินช่วยงาน “แค่อยากให้มาร่วมสนุกกันมากกว่า” คุณมาชิกล่าวอย่างอารมณ์ดีทิ้งท้าย

คุณนัตตี้เล่าว่า เมื่อเล่ารูปแบบการ์ดแต่งงานที่ต้องการให้ทางมานิตาฟัง ทางร้านแนะนำว่าถ้าต้องการให้ตรงธีมควรจะปั๊มฟอยส์ด้านหน้าการ์ดเพื่อให้ดูระยิบระยับเสมือนดวงดาว แต่ก็ไม่ลืมใส่รายละเอียดสำคัญที่ด้านหลังการ์ด ซึ่งหลังจากที่ให้คุณพ่อคุณแม่และแขกของทั้งคู่ได้รับการ์ดแต่งงาน ก็จะได้เสียงตอบรับเชิงบวกว่า “ การ์ดแต่งงานสวยแปลกดีไม่ค่อยเหมือนใคร”

ซึ่งคุณนัตตี้ได้เล่าต่อไปอีกว่า ในส่วนของการ์ดที่แจกเพื่อน ๆ ได้ทำในธีมเดียวกันแต่มาในลักษณะที่ขั้นหนังสือ ซึ่งเพื่อน ๆ ต่างแปลกใจที่ได้รับการ์ดแต่ส่วนใหญ่ก็ชอบเพราะมีความเป็นเอกลักษณ์ ซึ่งคุณมาชิกำชับเพื่อนๆทุกคนที่ได้การ์ดไปว่า “อย่างทิ้งนะ” อยากให้นำไป re-use จริงๆ เพราะทั้งคู่ใส่ใจในการเลือกกระดาษที่เนื้อดีร่วมกับการออกแบบที่ดี จึงเหมาะสำหรับนำไปเป็นที่คั่นหนังสือมาก ๆ โดยทั้งคู่กล่าวทิ้งท้ายว่า “แม้จะผ่านไป 3 ปีแล้วแต่สภาพการ์ดแต่งงานของเรายังคงเดิม ถือว่าคุณภาพดีมาก”

คุณนัตตี้แนะนำด้วยน้ำเสียงใสว่า “อยากให้รู้ก่อนว่าเราและคู่ของเราชอบแบบไหน ชอบอะไร ชอบสไตล์แบบไหน และบอกความต้องการให้กับทีมงานที่จะทำการ์ด” คุณมาชิกล่าวเพิ่มเติมอีกว่า “หากเรามีสิ่งที่ชอบชัดเจน สิ่งที่เราอยากได้ก็จะชัดเจนมากยิ่งขึ้น”

อันดับแรกคุณมาชิเล่าว่า ส่วนตัวเลือกที่ความมีชื่อเสียงของมานิตา ซึ่งจริงๆทั้งคู่มีหลายร้านในใจและได้เข้าไปดูในแต่ละร้าน แต่สุดท้ายก็เลือกใช้บริการที่มานิตา เพราะเสียงตอบรับที่ดีจากผู้ใช้บริการส่วนใหญ่ที่การันตีว่าใช้บริการที่นี่จะได้ “การ์ดแต่งงานที่สวย ไม่มีปัญหา ได้ตรงเวลา คุ้มต้นทุนได้” ซึ่งคุณมาชิมองว่าสิ่งเหล่านี้ตอบโจทย์พวกเค้าทั้งคู่ คุณมาชิกล่าวต่อไปอีกว่า ที่กล้าแนะนำมานิตา เพราะไม่เพียงมีชื่อเสียงเป็นอันดับ 1 แต่ทางร้านยังสามารถ ตอบโจทย์ความต้องการของคู่รักแต่ละคู่ได้ตรงใจอีกด้วย “ลองติดต่อดูครับ และจะรู้ว่าบริการเป็นอย่างไร” คุณมาชิให้เกียรติกล่าวทิ้งท้าย

เป็นอย่างไรบ้างคะ คำบอกเล่าจากบ่าวสาวป้ายแดงอารมณ์ดีจากคุณมาชิและคุณนัตตี้ ที่แม้ว่าจะไม่ได้เป็นคู่บ่าวสาวป้ายแดงเพราะผ่านประสบการณ์การแต่งงานมากกว่า 3 ปีแล้ว แต่ทั้งคู่ก็ยังจำภาพความประทับใจของการเตรียมงานแต่งเหล่านี้ได้และยังเก็บการ์ดแต่งงานของพวกเขาทั้งคู่ไว้ ซึ่งเป็นเครื่องการันตีว่า ที่ Manita ของเรานอกจากจะให้บริการที่ใส่ใจในทุกความต้องการของคู่บ่าวสาวแล้ว เรายังตั้งใจนำเสนอการ์ดแต่งงานคุณภาพดีที่ที่สุด เพื่อวันพิเศษของลูกค้าคนสำคัญของเราอีกด้วย